line
เมนู
ไลฟ์สไตล์

5 ทริคป้องกัน ‘โรคงูสวัด’ ภัยเงียบที่ใครก็ไม่อยากเป็น

ชวนอ่านวิธีป้องกันโรคงูสวัด ด้วยการเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย
แชร์บทความนี้
line
line
line

ชาว Gen ยัง Active ที่อายุ 50+ น่าจะเคยผ่านการเป็นโรคสุกใสกันมาแล้วบ้าง แล้วรู้ไหมว่า เชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคสุกใสนั้น ยังคงแฝงอยู่ในปมประสาทของร่างกายคนเรา รอวันที่ร่างกายเราอ่อนแอหรือภูมิคุ้มกันตก แล้วจึงแสดงตัวออกมาในรูปแบบของ ‘โรคงูสวัด’¹

งูสวัดอาจเกิดขึ้นเมื่อร่างกายอ่อนแอ

ไม่ว่าใครก็อาจมีความเสี่ยงที่จะเป็นงูสวัดได้หากภูมิคุ้มกันต่ำกว่าปกติ เช่น ช่วงที่ร่างกายอ่อนเพลีย พักผ่อนไม่เพียงพอหรือเครียด โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่อายุมากขึ้น ภูมิคุ้มกันลด รวมไปถึงผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด หรือผู้ป่วยที่ต้องกินยากดภูมิคุ้มกัน ยิ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคงูสวัด² และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ ซึ่งงูสวัดสามารถติดได้จากการสัมผัสผื่นแผล หากท่านยังไม่เคยได้รับเชื้อ อาจทำให้เป็นโรคสุกใสที่เป็นต้นกำเนิดของโรคงูสวัดได้³

โรคกับภาวะแทรกซ้อนที่ใครก็ไม่อยากเป็น

หากป่วยเป็นโรคงูสวัดจะเริ่มจากมีอาการปวดแสบปวดร้อนบนผิวหนัง มีผื่นแดงเป็นตุ่มน้ำใสขึ้นเรียงกันเป็นกลุ่ม หรือเป็นแถวยาวตามแนวเส้นประสาท ซึ่งจะแตกเป็นแผลและตกสะเก็ด ส่วนใหญ่แล้วจะหายได้เองใน 2-4 สัปดาห์1,2

แต่ในบางรายโดยเฉพาะผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เริ่มตั้งแต่อาการปวดตามแนวเส้นประสาท ซึ่งบางรายอาจปวดเรื้อรังนานหลายปี ไปจนถึงมีภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น การติดเชื้อแบคทีเรีย และหากงูสวัดขึ้นตาก็อาจทำให้กระจกตาอักเสบจนถึงขั้นตาบอด แต่ที่ร้ายแรงกว่านั้น ในกรณีผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำมาก งูสวัดอาจส่งผลให้สมองและปอดอักเสบได้¹

เสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ป้องกันงูสวัดได้

งูสวัดเป็นโรคที่ควรระวังสำหรับสูงวัย เพราะผู้สูงอายุมีโอกาสเสี่ยงที่จะติดได้ง่ายหากภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ดังนั้น ชาว Gen ยัง Active จึงต้องดูแลตัวเองและเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงอยู่เสมอ ซึ่งงูสวัดสามารถป้องกันได้ด้วย 5 วิธีง่าย ๆ ดังนี้

  1. ออกกำลังกายที่เหมาะสมกับวัยของผู้สูงอายุ และทำกิจกรรมที่ช่วยให้ผ่อนคลาย เพราะความเครียดเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคงูสวัด⁴
  2. พักผ่อนให้เพียงพอเพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันที่ดีทำงานได้ดี โดยผู้สูงอายุควรนอนและพักผ่อนให้เพียงพอ⁴
  3. กินอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ โดยเน้นผักผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง⁴
  4. ไม่ใช้ของใช้ร่วมกับผู้ป่วยหรือใกล้ชิดผู้ป่วย เนื่องจากงูสวัดสามารถติดจากการสัมผัสผื่นแผล หากไม่เคยได้รับเชื้องูสวัด อาจทำให้เป็นสุกใส³˒⁵
  5. อีกหนึ่งวิธีการป้องกัน คือการฉีดวัคซีนงูสวัดในผู้ที่อายุ 50 ปีขึ้นไป เพื่อลดโอกาสในการเป็นโรคงูสวัด⁵

แต่หากป่วยเป็นโรคงูสวัดแล้ว โปรดปรึกษาแพทย์ เนื่องจากงูสวัดเป็นโรคที่สามารถหายได้เอง แต่ในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำมาก ควรได้กินยาต้านไวรัสเพื่อลดความรุนแรงของโรคหรือลดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ แล้วถ้าอาการไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์¹˒⁵

เรียบเรียงโดย : อ.นพ.เอกภพ หมอกพรม
สาขาวิชาอายุรศาสตร์ปัจฉิมวัย ภาควิชาอายุรศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

เอกสารอ้างอิง

  1. Harpaz R;Morbidty and Mortality Weekly Report;2008;57;1-40
  2. Marra F;Open Forum Infectious Diseases;2020;7;609
  3. WHO;2025;1-4; Shingles (Herpes Zoster)
  4. Harvard Health;2021;1-13;How to boost your immune system
  5. About Shingles (Herpes Zoster) | Shingles (Herpes Zoster) | CDC

NP-TH-NA-WCNT-230017

GSK ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของท่านและเราให้คำมั่นสัญญาว่าเราจะจัดการกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยความระมัดระวัง
หากท่านต้องการทราบถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่เราเก็บ และวิธีการที่เราเก็บข้อมูลเหล่านั้น ท่านสามารถศึกษาได้จาก ประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว