เนื่องในวันไอโอดีนแห่งชาติ ซึ่งตรงกับวันที่ 25 มิถุนายนของทุกปี¹ ชวนให้ตระหนักถึงความสำคัญของ การได้รับสารอาหารให้ครบถ้วนเพียงพอ ป้องกันการเกิดโรค
เมื่อพูดถึงไอโอดีน หลายคนเป็นต้องนึกถึงเกลือไอโอดีนทุกครั้งไป แต่แท้จริงแล้วไอโอดีนนั้น เป็นสารอาหาร ที่สำคัญต่อร่างกาย แล้วรู้หรือไม่ว่าหน้าที่และความสำคัญของสารไอโอดีนคืออะไรกันแน่ มาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กัน
รู้จัก ไอโอดีน ให้มากขึ้น²
ไอโอดีน (Iodine) คือแร่ธาตุที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย ช่วยในการสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ ทำหน้าที่ ควบคุมอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ควบคุมการเผาผลาญสารอาหารในร่างกาย มีส่วนช่วยในการเจริญเติบโต ของระบบประสาทและสมอง ไอโอดีนหากได้รับมากเกินไปก็อาจทำให้เกิดภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษได้ หรือหากขาดสารไอโอดีน มีผลทำให้เกิดโรคคอพอกและกลุ่มอาการอื่น ๆ ตามมาได้ กลุ่มที่อยู่ในภาวะเสี่ยง เช่น ทารกในครรภ์มารดา เด็กก่อนวัยเรียน เด็กวัยเรียน และเด็กวัยรุ่น เป็นต้น

จะเกิดอะไรขึ้น? หากร่างกายได้รับปริมาณสารไอโอดีนที่ไม่เพียงพอ²˒³
อาจทำให้มีอาการอ่อนเพลีย เชื่องช้า ง่วงซึม ผิวหนังแห้ง ขี้หนาว และมีอาการ คอพอก ซึ่งมาจาก ต่อมไทรอยด์ที่โตขึ้น
สิ่งสำคัญที่จะได้รับผลกระทบต่อการขาดสารไอโอดีนมากที่สุด คือทารกที่อยู่ในครรภ์มารดา เพราะฉะนั้น สตรีมีครรภ์จึงเป็นกลุ่มคนสำคัญที่จะต้องมีโภชนาการและไอโอดีนที่เพียงพอ และอีกวัยหนึ่งคือหญิงวัยเจริญพันธุ์ เพราะเป็นวัยที่พร้อมจะตั้งครรภ์ และก่อนที่จะตั้งครรภ์ควรมั่นใจว่าได้รับโภชนาการและไอโอดีนที่เพียงพอ
ผลจากการได้รับไอโอดีนมากเกินไป²
การได้รับไอโอดีนในปริมาณสูง อาจทำให้เกิดอาการเดียวกับการขาดไอโอดีน เช่น โรคคอพอก หรือภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ นำไปสู่อาการผิดปกติ เช่น อาการทางระบบประสาท อัตราการเต้นของหัวใจสูง อ่อนเพลีย เหงื่อออกง่าย น้ำหนักลดทั้งที่กินมาก อาการเป็นพิษเฉียบพลัน ได้แก่ แสบปากคอและท้อง มีไข้ อาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง ชีพจรเต้นช้า
ความต้องการไอโอดีนในแต่ละวัย²
ปริมาณสารอาหารอ้างอิงที่ควรได้รับประจำวันสำหรับคนไทย พ.ศ. 2563 ข้อมูลจากสำนักโภชนาการ กรมอนามัย
1. หญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร ควรได้รับสารไอโอดีนวันละ 200 ไมโครกรัม 2. ทารกแรกเกิดจนถึงก่อนอายุครบ 6 เดือน ควรได้รับสารไอโอดีนจากน้ำนมแม่ 3. ทารกอายุ 6-11 เดือน ควรได้รับสารไอโอดีนวันละ 70 ไมโครกรัม 4. เด็กอายุ 1-8 ปี ควรได้รับสารไอโอดีนวันละ 90 ไมโครกรัม 5. เด็กวัยรุ่นอายุ 9-12 ปี ควรได้รับสารไอโอดีนวันละ 120 ไมโครกรัม 6. เด็กวัยรุ่นอายุ 13-18 ปี ควรได้รับสารไอโอดีนวันละ 130 ไมโครกรัม 7. ผู้ใหญ่ ควรได้รับสารไอโอดีนวันละ 150 ไมโครกรัม

แหล่งที่มาของไอโอดีนในอาหาร²
อาหารที่มีสารไอโอดีนตามธรรมชาติพบมากใน พืชและสัตว์ทะเล เช่น ปลาทะเล กุ้งทะเล สาหร่ายทะเล ในปลาทะเล 100 กรัม มีสารไอโอดีนประมาณ 25-70 ไมโครกรัม สาหร่ายทะเลแห้ง 100 กรัม มีสารไอโอดีน 200-400 ไมโครกรัม
นอกจากนี้ยังมีใน กุ้ง หอย ปู ปลา เกลือเสริมไอโอดีน น้ำปลาเสริมไอโอดีน ผัก เช่น ผักโขม ผักกาดเขียว บร็อคโคลี่ ผลไม้ เช่น สตรอว์เบอร์รี่ ผลิตภัณฑ์นม เช่น โยเกิร์ต นม ชีส รวมถึงสามารถพบในน้ำนมแม่ และนมสูตรสำหรับทารก
การป้องกันการขาดไอโอดีน ทำอย่างไรบ้าง?²
1. ใช้เกลือบริโภคเสริมไอโอดีนในการประกอบอาหารทุกวัน โดยตรวจดูฉลากบนซองเกลือที่ระบุว่า มีการเสริมไอโอดีน มีที่อยู่ของผู้ผลิตชัดเจน และมีเลข อย. 2. รับประทานอาหารทะเลเป็นประจำ เช่น ปลาทู หอย กุ้ง ปู เป็นต้น 3. นอกจากบริโภคเกลือเสริมไอโอดีน และบริโภคอาหารทะเลเป็นประจำแล้ว ยังสามารถเลือกบริโภคผลิตภัณฑ์ เสริมไอโอดีนอื่น ๆ เช่น น้ำปลา ซอส ซีอิ๊ว เสริมไอโอดีน เป็นต้น
นอกจากไอโอดีนแล้ว ยังมีสารอาหารอีกมากมายที่ร่างกายต้องการไม่ว่าจะเป็นวิตามินหรือแร่ธาตุต่าง ๆ จึงต้องไม่ลืมกินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน พักผ่อนอย่างเพียงพอและกำจัดความเครียดที่เกิดขึ้น เพียงเท่านี้ วัย 50+ ก็ Happy และ Healthy ไปอีกนาน
เรียบเรียงโดย : จีเอสเค
เอกสารอ้างอิง: 1. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ. 2565 [สืบค้นเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568]. สืบค้นได้จาก: https://www.thaihealth.or.th/?p=233627. 2. โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์. 2566 [สืบค้นเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568]. สืบค้นได้จาก: https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/iodine-deficiency-disorder. 3. โรงพยาบาลวิมุต. 2565 [สืบค้นเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568]. สืบค้นได้จาก: https://www.vimut.com/article/signs-and-symptoms-of-thyrotoxicosis.
NP-TH-NA-WCNT-250010 | May 2025