หอบหืดในวัย 50+ ซับซ้อนกว่าที่คิด! วัย Gen ยัง Active อาจมองข้ามอาการผิดปกติของหอบหืดเพราะความเคยชิน แต่รู้หรือไม่? อาการนี้อาจเป็นภัยเงียบที่เพิ่มความเสี่ยงให้เสียชีวิตได้โดยไม่รู้ตัว!
รู้จัก ‘หอบหืด’ กันสักนิด
‘โรคหืด’ หรือบางคนเรียกว่า ‘โรคหอบหืด’ นั้น เกิดจากการอักเสบเรื้อรังของหลอดลม ซึ่งเริ่มต้นมักไม่มีอาการใด ๆ ต่อมาจะเริ่มมีอาการ ไอ หายใจลำบาก หายใจไม่อิ่ม มีเสียงวี๊ดเวลาหายใจ เหนื่อยง่ายมากขึ้น
‘หอบหืด’ โรคที่มักถูกละเลย¹
มีหลายเหตุผลที่โรคหอบหืดถูกละเลย นั่นเป็นเพราะ...
- มีอาการเป็นพัก ๆ ไม่ได้เป็นตลอด - บางครั้งมีแค่อาการไอนาน ๆ หลังจากการเป็นหวัด - ระยะเริ่มแรกในผู้ใหญ่บางราย แค่ออกกำลังแล้วเหนื่อยเร็วขึ้น - เข้าใจว่าหอบหืดเป็นในเด็กเพียงอย่างเดียว
โรคหอบหืดเป็นโรคที่พบได้บ่อย มักพบมากใน 2 ช่วงอายุ คือ วัยเด็ก และ วัย 50+ โดยไม่จำเป็นต้องมีประวัติโรคหอบหืดในวัยเด็กมาก่อนเลย ในปัจจุบันแนวโน้มโรคหอบหืดเพิ่มขึ้น อันเนื่องมาจากมลภาวะทางอากาศที่เพิ่มขึ้น
ปัจจัยเสี่ยงของโรคหอบหืด²
● พันธุกรรมและภูมิแพ้ โรคหอบหืดถ่ายทอดทางพันธุกรรม สัมพันธ์กับภาวะภูมิแพ้และสารกระตุ้นที่อยู่ในสิ่งแวดล้อม ได้แก่ ไรฝุ่น เชื้อไวรัส ขนของสัตว์เลี้ยง เกสรดอกไม้ การเปลี่ยนแปลงของอากาศ สารก่อภูมิแพ้จากการประกอบอาชีพ เป็นต้น ● การเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์และจิตใจ ● สิ่งเร้าอื่น ๆ จำพวก ควันบุหรี่ ไอเสีย ควันพิษในอากาศร่วมด้วย ดังนั้นหากมีประวัติเยื่อบุจมูกอักเสบจากภาวะภูมิแพ้ หรือภูมิแพ้ผิวหนังทั้งตนเองและคนในครอบครัว ต้องหมั่นสังเกตอาการที่อาจบ่งบอกโรคหอบหืดด้วย
ใครบ้างที่ควรสงสัยว่าเป็นโรคหอบหืด¹
● คนที่มีอาการดังต่อไปนี้ ไอบ่อยโดยไม่ทราบสาเหตุ, ไอนานหลังเป็นหวัด, เหนื่อยง่ายมากขึ้น, รู้สึกเสมหะเยอะ, ไอตอนกลางคืน หรืออากาศเย็น, มีเสียงวี๊ดเวลาหายใจ ● คนที่มีญาติเป็นหืด ● คนที่เป็นโรคภูมิแพ้อากาศที่ยังมีอาการไอ เหนื่อย แม้ว่ารักษาโรคภูมิแพ้แล้ว

โรคหอบหืดกำเริบรุนแรงถึงชีวิตได้²
ในภาวะฉุกเฉินที่ผู้ป่วยมีอาการหอบหืดกำเริบรุนแรง กระสับกระส่าย เหนื่อยจนไม่สามารถพูดเป็นประโยคได้ หมดสติ ออกซิเจนตก ถึงขั้นการหายใจล้มเหลว จำเป็นต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อใส่ท่อช่วยหายใจในทันทีเพราะเป็นเหตุให้ถึงแก่ชีวิตได้ ส่วนในรายที่โรคหอบหืดกำเริบไม่รุนแรง แต่มีการอักเสบในหลอดลม และหลอดลมเกิดการตีบตันอยู่บ่อยครั้ง ในระยะยาวหลอดลมจะเกิดการตีบตันแบบถาวร เป็นเหตุให้การรักษาทำได้ยากขึ้น
การตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกวิธี²
แพทย์จะเริ่มการวินิจฉัยโรคหอบหืดด้วยการซักประวัติ ตรวจร่างกาย ทดสอบสมรรถภาพปอดและหลอดลม เพื่อหาภาวะหลอดลมตีบจากหอบหืด พร้อมกับแยกโรคอื่น ๆ ออกไป โดยจะพิจารณาเลือกใช้ยาตามความรุนแรงของโรคโดยแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่

1. ยาบรรเทาอาการ เป็นยาขยายหลอดลมที่ออกฤทธิ์อย่างรวดเร็ว ใช้เมื่อมีอาการ 2. ยาสูดพ่นควบคุมอาการ ช่วยลดการอักเสบของหลอดลม ต้องใช้เป็นต่อเนื่องทุกวันแม้ไม่มีอาการ โดยห้ามหยุดยาเองจนกว่าจะได้รับคำแนะนำจากแพทย์ แม้จะไม่พบอาการหอบหืดกำเริบก็ตาม
เข้าใจโรคเท่ากับได้เข้าใจตนเอง²
แม้โรคหอบหืดจะไม่สามารถรักษาให้หายขาด แต่ผู้ป่วยก็สามารถลดความเสี่ยง หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ที่อาจกระตุ้นการเกิดโรค ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม พักผ่อนเพียงพอ ก็สามารถควบคุมอาการของโรคหอบหืดได้ ที่สำคัญ ใช้ยาควบคุมอาการอย่างสม่ำเสมอ และอย่าลืมพกยาพ่นฉุกเฉิน
เรียบเรียงโดย : จีเอสเค
เอกสารอ้างอิง: 1.โรงพยาบาลเจ้าพระยา. 2020 [สืบค้นเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2025]. สืบค้นได้จาก: https://chaophya.com/knowledge/asthma/#:~:text=โรคหืด โรคที่มักถูกละเลย 2.ศูนย์อายุรกรรม โรงพยาบาลวิมุต. 2024 [สืบค้นเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2025]. สืบค้นได้จาก: https://www.vimut.com/article/Asthma-Symptoms
NP-TH-NA-WCNT-250006 | May 2025