หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า ‘ไวรัสตับอักเสบ’ มาไม่มากก็น้อย และอาจจะเคยได้ยินว่ามีหลายชนิด เช่น ไวรัสตับอักเสบเอ ไวรัสตับอักเสบบี ไวรัสตับอักเสบซี ฯลฯ และหนึ่งในไวรัสตับอักเสบที่หลายคนได้ยินบ่อยและพบเจอได้ง่าย รวมถึงมีความรุนแรงมากก็คงจะหนีไม่พ้น ‘ไวรัสตับอักเสบบี’¹
แต่ก่อนจะเจาะลึกเรื่องไวรัสตับอักเสบบี ชวนวัย 50+ ทำความรู้จักไวรัสตับอักเสบในเบื้องต้นกันก่อน
ไวรัสตับอักเสบ ต้นเหตุของมะเร็งตับ
ไวรัสตับอักเสบมีหลายสายพันธุ์ แต่ที่พบโดยส่วนมาก ได้แก่ ไวรัสตับอักเสบ เอ บี ซี ดี และอี ซึ่งไวรัสทั้งหมดมีการติดต่อแตกต่างกันไปตามชนิดและลักษณะเฉพาะ¹ โดยไวรัสที่เป็นปัญหาสำคัญในบ้านเรา ได้แก่ ไวรัสตับอักเสบบีและซี เนื่องจากไวรัสทั้ง 2 ชนิดทำให้เกิดตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็ง และมะเร็งตับตามมา ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต²
ไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B Virus) คืออะไร
Hepatitis B Virus หรือ ไวรัสตับอักเสบบี คือ โรคติดเชื้อที่เกิดขึ้นจากไวรัสตับอักเสบบี ที่พบได้บ่อยที่สุด คือจากมารดาที่ติดเชื้อสู่ทารก และอาจส่งผลให้เกิดอาการต่าง ๆ ในระยะต่าง ๆ ของการติดเชื้อ¹ โดยการติดเชื้อตับอักเสบบีนั้นพบได้ทั่วโลกและเป็นหนึ่งในสาเหตุของการตายจากโรคตับในประเทศไทย ไวรัสตับอักเสบบี เป็นไวรัสที่มีความรุนแรงมาก ทำให้ผู้ได้รับเชื้อมีแนวโน้มเกิดตับแข็ง ภาวะตับอักเสบเรื้อรัง และอาจกลายเป็นมะเร็งตับได้ในที่สุด

ไวรัสตับอักเสบบี ติดต่อกันอย่างไร?
- ไวรัสตับอักเสบบีสามารถถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกได้ในระหว่างคลอด โดยเฉพาะในกรณีที่มารดามีปริมาณไวรัสสูง ทารกมีความเสี่ยงติดเชื้อได้สูงถึงร้อยละ 70-90 ขณะที่มารดาที่มีปริมาณไวรัสต่ำ ทารกยังคงมีโอกาสติดเชื้ออยู่ที่ร้อยละ 10–40⁴ - มีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อโดยไม่ได้ป้องกัน ซึ่งไวรัสตับอักเสบบีสามารถติดต่อได้ง่ายกว่าเชื้อไวรัสเอดส์¹ - การสัก เจาะหูหรือการฝังเข็มโดยอุปกรณ์ที่ผ่านการฆ่าเชื้อไม่ถูกต้อง¹ - การได้รับเลือด และส่วนประกอบของเลือดที่ไม่จำเป็น ก็อาจเป็นสาเหตุได้ แต่พบได้น้อยมากในการตรวจกรองของธนาคารเลือดในปัจจุบัน¹

อาการของไวรัสตับอักเสบบี¹
ในกรณีตับอักเสบเฉียบพลันซึ่งพบในเด็กโต, ผู้ใหญ่ อาจมีอาการ
- อ่อนเพลียคล้ายเป็นหวัด - คลื่นไส้ อาเจียน น้ำหนักลด - จุกแน่นใต้ชายโครงขวาจากตับโต - ปัสสาวะเข้ม ตาเหลือง
อาการเหล่านี้จะค่อย ๆ ดีขึ้นในเวลา 2 - 3 สัปดาห์ และร่างกายจะค่อย ๆ กำจัดไวรัสตับอักเสบบีออกไปพร้อมกับการสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีซ้ำอีก¹
ทั้งนี้ ผู้ป่วยร้อยละ 1 - 5 อาจไม่สามารถกำจัดเชื้อออกจากร่างกายได้ เกิดการติดเชื้อเรื้อรังโดยเฉพาะหากได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ผู้ป่วยบางรายจะมีอาการอักเสบร่วมด้วย ซึ่งหากมีการอักเสบตลอดเวลาจะทำให้มีการตายของเซลล์ตับ เกิดมีพังผืดเพิ่มมากขึ้นจนเป็นตับแข็งในที่สุด ผู้ป่วยจำนวนหนึ่งกลายเป็นมะเร็งตับซ้ำเดิม ผู้ป่วยตับอักเสบเรื้อรังมักไม่มีอาการแม้จะมีตับเสียหายมาก และกรณีนี้จำเป็นต้องพบแพทย์เพื่อประเมินความรุนแรงของโรค¹
5 ข้อลดเสี่ยงโรคตับอักเสบบี¹
1. รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ลดอาหารจำพวกแป้ง น้ำตาล และไขมัน 2. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่หักโหม 3. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะทำให้ตับถูกทำลายมากขึ้น 4. อัลตราซาวด์และตรวจสุขภาพประจำปี 5. งดอาหารที่มีสารอัลฟาท็อกซิน เช่น ถั่วลิสง พริกป่น เป็นต้น

ป้องกันไวรัสตับอักเสบบี ด้วยการฉีดวัคซีน¹
การรับวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี ก็เป็นอีกตัวเลือกได้เช่นกัน โดยสามารถรับวัคซีนได้ตั้งแต่แรกเกิด โดยรับทั้งหมด 3 เข็ม หลังจากรับเข็มแรกแล้ว 1 เดือนถัดมาจึงรับเข็มที่ 2 และ 5 เดือนถัดมา รับเข็มที่ 3
เมื่อรับวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีครบ 3 เข็ม สามารถป้องกันการติดเชื้อได้นานตลอดชีวิต อย่างไรก็ตามหลังจากได้รับวัคซีนครบ 3 เข็ม ประมาณ 1-2 เดือน ควรเข้ารับการตรวจเลือดเพื่อยืนยันว่ามีภูมิคุ้มกันไวรัสตับอักเสบบีหรือไม่ หากยังไม่มีภูมิต้านทานควรรับวัคซีนเพิ่มตามคำแนะนำของแพทย์
หากเราละเลยการตรวจสุขภาพ อาจรู้ตัวในช่วงระยะสุดท้ายของมะเร็งตับ ซึ่งมีโอกาสรักษาได้ยาก ดังนั้นการดูแลร่างกาย และเตรียมพร้อมการป้องกันไว้ก่อนโดยเฉพาะเรื่องของสุขภาพตับ จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าเสมอ¹
โปรดปรึกษาแพทย์ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
เรียบเรียงโดย : จีเอสเค
เอกสารอ้างอิง: 1.โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ รู้เท่าทันไวรัสตับอักเสบบี. https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/hbv (URL access, May 2025) 2. Rungjirananon, S. (2021). Hepatitis B and C patients at risk of cirrhosis and liver cancer. Nakornthon Hospital. https://www.nakornthon.com/article/detail/ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบบีและซี-เสี่ยงตับแข็ง-มะเร็งตับ (URL access, May 2025) 3.กรมควบคุมโรคโรคไวรัสตับอักเสบบีและซี เสี่ยงตับแข็ง มะเร็งตับ ป้องกันได้ รักษาทัน หายขาดได้. กรมควบคุมโรค. https://ddc.moph.go.th/brc/news.php?news=21693&deptcode=brc (URL access, May 2025) 4. Hepatitis: Preventing mother-to-child transmission of the hepatitis B virus. https://www.who.int/news-room/questions-and-answers/item/hepatitis-preventing-mother-to-child-transmission-of-the-hepatitis-b-virus (URL access, May 2025)
NP-TH-NA-WCNT-250009 | Jun 2025